ความสำคัญของพระคริสตธรรมคัมภีร์
มนุษย์ได้เดินทางไปไกลแสนไกลทั่วทุกแห่งทั้งในสมัยโบราณและปัจจุบัน
แต่ยังมีหนังสือเล่มหนึ่งคือพระคริสตธรรมคัมภีร์
หนังสือเล่มนี้ได้เดินทางไปไกลแสนไกลทั่วทุกมุมเมืองทุกภาษา
ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็จะพบหนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้โดยไม่ยากนัก
โปรดพิจารณาดูความสำคัญของพระคริสตธรรมคัมภีร์ดังต่อไปนี้
1. หนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดในโลก
ไม่มีหนังสือเล่มไหนในโลกที่สามารถทำลายสถิติการขายแทนพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้
2. หนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์
เป็นหนังสือที่แปลออกเป็นภาษาและสำเนียงต่าง ๆ ในโลกประมาณ 1,300 ภาษา
3.
การพิมพ์ด้วยแท่นพิมพ์ได้ประดิษฐานขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก โดยโจอันเนส กูเตนเบอร์ก
แห่งประเทศเยอรมัน กูเตนเบอร์กได้พิมพ์พระคริสตธรรมคัมภีร์ขึ้นเป็นครั้งแรกเป็นภาษาละติน
เรียกกันโดยทั่วไปว่า "พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับโดยกูเตนเบอร์ก" พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้พิมพ์ครบเมื่อประมาณวันที่
15 สิงหาคม ค.ศ. 1456 ครั้งแรกได้พิมพ์ขึ้น 200 ฉบับ
ปัจจุบันนี้ยังคงมีอยู่ประมาณ 40 ถึง 50 เล่ม ในจำนวนมี 14
เล่มอยู่ที่ประเทศอเมริกา
4.
การพิมพ์ด้วยแท่นพิมพ์สำเร็จขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย โดยร้อยเอกเจมส์โรห์
ท่านผู้นี้ได้พิมพ์พระคริสตธรรมคัมภีร์ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
5. คำสอนของพระคริสตธรรมคัมภีร์ยกระดับมาตรฐานศีลธรรมของมนุษย์
คนจำนวนมากได้เปลี่ยนชีวิตของเขา เพราะอิทธิพลซึ่งได้รับจากพระคริสตธรรมคัมภีร์
6. สถานะของสตรีได้รับการเทิดทูน
ในสมัยโบราณสตรีเกือบทุกประเทศถูกประณามว่าเป็นเพศที่ต่ำต้อย ยกเว้นพวกเฮ็บรายเท่านั้น
พวกโรมจะฆ่าภรรยาของตนเองโดยไม่ต้องถูกตัดสินความ คำสั่งสอนของพระคริสตธรรมคัมภีร์ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์
มิใช่สัตว์เดรัจฉาน ทำให้หญิงและชายอยู่ในฐานะเท่าเทียมกัน
7. ยกระดับมาตรฐานในการทำงาน
คนทั่วโลกคิดว่างานกรรมกรเป็นงานหยาบ ๆ เป็นงานต่ำ แต่พระคริสตธรรมคัมภีร์สอนให้คนทุกคนประกอบอาชีพโดยไม่เกียจคร้าน
ทำงานอาชีพอะไรก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมและมีสิทธิเท่าเทียมกันทั้งนั้น
8. ยกระดับมาตรฐานการศึกษา
คำสั่งสอนที่เป็นพื้นฐานแห่งความจริงในโลกอยู่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์
คนที่เชื่อถือในพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นผู้ที่ก่อให้เกิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่าง
ๆ ที่สำคัญในโลก และพระคริสตธรรมคัมภ์ประกอบด้วยหลักความจริงเกือบทุกวิชา
สุภาพสตรีได้รับการเทิดทูน พวกทาสได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ
กรรมกรได้รับความเป็นธรรม การศึกษาและมาตรฐานศีลธรรมถูกยกระดับ
ไม่มีหนังสือเล่มไหนในโลกที่มีความสำคัญเท่ากับพระคริสตธรรมคัมภีร์
อิทธิพลของพระคริสตธรรมคัมภีร์ทำให้การศึกษาของโลกสูงขึ้น มีโรงเรียนที่สำคัญ
ๆ เกิดขึ้นในโลกหลายแห่ง เช่นมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด, โรงเรียนมิชชั่นนารีในประเทศต่าง
ๆ โรงพยาบาลหลายแห่งได้เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ เพราะอิทธิพลของพระคริสตธรรมคัมภีร์
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ขาดพ่อแม่
แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ๆ ปัจจุบันนี้ก็ได้รับอิทธิพลจากพระคริสตธรรมคัมภีร์เช่นกัน
ดร.โรเบอร์ต เอ. มิลลิแกน ได้กล่าวว่า
"ข้าพเจ้าคิดว่าความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์โลกขึ้นอยู่กับอิทธิพลแห่งคำสอนของพระคริสตธรรมคัมภีร์"
นักบินอวกาศอพอลโล11 ไมเคิล คอลลินร์, เอ็ดวิน แอนดริน และนีล อาร์มสตรอง
เมื่อได้ลงไปเหยียบบนดวงจันทร์ เขาได้อธิษฐาน และได้กล่าวถึงข้อพระคริสตธรรมคัมภร์
เยเนซิศ 1.1 มีใจความว่า
"เมื่อเดิมนั้นพระเจ้าได้ทรงนฤมิตสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก"
คำประกาศของพระคริสตธรรมคัมภีร์
ผู้ที่เขียนหนังสือปรัชญา หรือหลักคำสอนต่าง ๆ
ของศาสนาส่วนมากเขาจะต้องสดุดีตนเองว่าเป็นผู้เขียน
ยิ่งไปกว่านั้นผู้เขียนเหล่านั้นเพียงแต่กล่าวสรรเสริญเยินยอส่วนดีของชีวประวัติของบุคคลบางคน
แต่ผู้ที่เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ทุก ๆ คน ไม่มีความเกรงกลัวผู้หนึ่งผู้ใด
จะเป็นกษัตริย์หรือผู้มีอำนาจก็ตาม
คนของพระเจ้าบันทึกข้อความที่เป็นความจริงทั้งดีและชั่วไว้อย่างพร้อมมูล
เพื่อเป็นตัวอย่างและสอนมนุษย์ให้เอาตัวอย่างดีและเว้นจากตัวอย่างเลว
ยิ่งกว่านั้นผู้เขียนเหล่านั้นมิได้ยกย่องตนเองว่าเป็นผู้เขียน
แต่ได้ประกาศว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานความจริง โปรดพิจารณาดูคำประกาศของพระคริสตธรรมคัมภีร์
ดังต่อไปนี้
1. พระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นพระคำของพระเจ้า
หมายความว่าเป็นคำตรัสของพระเจ้าผู้มีอำนาจ (เฮ็บราย 4.12, 1เปโตร
4.11, โรม 3.2) พระคริสตธรรมคัมภีร์คือพระดำรัสของพระเจ้า
มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้ไขเพิ่มหรือลด (วิวรณ์ 22.18-19)
2. มีอานุภาพ
คืออานุภาพเหนือจิตใจของมนุษย์
สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ที่เปิดใจออกศึกษาพระดำรัสของพระเจ้า
ตัวอย่างจากหนังสือ โรม 1.16
"ด้วยว่าข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องกิตติคุณของพระคริสต์ เพราะว่กิตติคุณนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า
คนที่เชื่อถือนั้นได้ถึงที่รอดทุกคน พวกยูดายก่อนทั้งพวกเฮเลนด้วย (ยิวประชาชาติทั่วโลก)"
3. สั่งสอนทุกสิ่ง พระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือที่ติดตามเราไปทั่วทุกแห่งหน
ช่วยสั่งสอนคนให้เป็นคนที่มีศีลธรรมอันดี
เป็นหัวใจของคนทุกชั้นในครอบครัวสามีภรรยาและบุตร ที่ทำงานนายจ้างและลูกจ้าง
ข้าราชการ พลเมืองทุกชั้น
ทำให้โลกเรามีสันติสุขทั้งผู้ครอบครองประเทศและพลเมือง (2ติโมเธียว 3.16-17)
4. เป็นแสงสว่าง
นำทางชีวิตมนุษย์ทุกคนมิให้หลงไปในทางอบายมุข
มีสติปัญญาในการตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องเสมอ (บทเพลงสรรเสริญ 119.105)
5. เป็นอำนาจเด็ดขาด พระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นอำนาจเด็ดขาดเป็นหลักปฏิบัติทุกอย่างในการนมัสการพระเจ้า,
ความรอด, การดำรงชีวิตประจำวัน
เป็นมาตรฐานอันเดียวที่นำมนุษย์ไปถึงสวรรค์ได
เราต้องฟังเสียงพระดำรัสของพระเจ้า คือพระคริสตธรรมคัมภีร์ (วิวรณ์ 22.18-19,
มัดธาย 7.21, 29, โยฮัน 12.48-50, 2เธซะโลนิเก 1.7, 9)
เราได้รับพระคริสตธรรมคัมภีร์อย่างไร
พระเจ้าเป็นผู้ประทานพระคริสตธรรมคัมภีร์แก่มนุษย์ ในสมัยแรก ๆ
พระเจ้าติดต่อกับมนุษย์โดยผ่านทางหัวหน้าครอบครัว
แต่สมัยต่อมาก็ติดต่อโดยผ่านทางผู้พยากรณ์
เมื่อพระเจ้าได้ติดต่อกับคนเหล่านั้นเพื่อชี้แจงพระประสงค์ของพระองค์
คนเหล่านั้นก็ได้บันทึกข้อความเอาไว้ เป็นข้อความที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
ยุคแรก ๆ ข้อความที่คนสำคัญของพระเจ้า เช่น โมเซ, ศาสดาพยากรณ์, กษัตริย์
คนเหล่านี้ได้บันทึกไว้เป็นม้วน ๆ แล้วในที่สุดก็ได้พัฒนากันมาเรื่อย ๆ
จนถึงสมัยที่มีการพิมพ์เป็นเล่ม ๆ และได้มีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ในโลก
และแจกจ่ายไปทุกมุมโลกเป็นภาษาของคนทุกประเทศ
อ่านแล้วเข้าใจเป็นภาษาของตนเองได้
"เมื่อคราวก่อนพระเจ้าได้ตรัสทางพวกผู้พยากรณ์ทีละเล็กทีละน้อย
ด้วยอาการหลายวิธีแก่บรรพบุรุษ แต่ในคราวที่สุดนี้ได้ตรัสแก่เราทางพระบุตร" (เฮ็บราย
1.1-2)
การดลใจของพระคริสตธรรมคัมภีร์
พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้รับการดลใจอย่างไร
คำว่า "ดลใจ" ความหมายที่เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ
การที่พระเจ้าทรงนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการเขียน
"ท่านทั้งหลายจงรู้ข้อนี้ก่อนคือว่าคำพยากรณ์ทุกคำที่จารึกไว้ในพระคัมภีร์แล้ว
พวกผู้พยากรณ์ไม่ได้คิดออกตามลำพังใจของตนเอง
ด้วยว่าคำพยากรณ์นั้นเมื่อก่อนไม่ได้เป็นมาตามน้ำใจมนุษย์
แต่ว่ามนุษย์ได้กล่าวคำซึ่งมาจากพระเจ้าตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงดลใจให้กล่าวนั้น"
(2เปโตร 1.20-21)
พระเจ้าได้ทรงนำให้ผู้เขียนบันทึกข้อความตามน้ำพระทัยของพระองค์
การทรงนำนี้มิได้หมายความว่าพระเจ้าจะควบคุมจิตสำนึกของผู้เขียน
แต่ละคนอาจจะเขียนไปตามแบบฉบับของตนเองตามแบบที่ตนถนัด
โดยไม่ขัดกับหลักความจริงทั้งหมด ผู้เขียนเหล่านี้แม้จะเขียนไปตามถนัด
แต่ข้อความเหล่านั้นสอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้าและไม่ขัดแย้งกัน
เราจึงรู้ว่าข้อความทั้งสิ้นได้รับการดลใจจากพระเจ้า
ตอบคำถาม คลิกที่นี่ https://docs.google.com/forms/d/1vU8JkP7LlPK5dVT5SZ2yqLRhRTmGhNPvK7cP0Ovh_nI/viewform